มีมัลแวร์อยู่หลายประเภท ต่อไปนี้คือประเภทที่พบบ่อยที่สุด
แอดแวร์ แอดแวร์จะติดตั้งตัวเองบนอุปกรณ์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของเพื่อแสดงหรือดาวน์โหลดโฆษณา ซึ่งมักจะอยู่ในรูปแบบป๊อปอัปเพื่อสร้างรายได้จากการคลิก โฆษณาเหล่านี้มักจะทำให้ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ช้าลง ทั้งนี้แอดแวร์ที่มีความอันตรายยิ่งขึ้นจะดำเนินการถึงขั้นติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติม เปลี่ยนการตั้งค่าเบราว์เซอร์ และทำให้อุปกรณ์มีความเสี่ยงจากการโจมตีจากมัลแวร์ประเภทอื่นๆ
บอทเน็ต บอทเน็ตเป็นเครือข่ายของอุปกรณ์ที่ติดไวรัสซึ่งได้รับการควบคุมโดยผู้โจมตีจากระยะไกล เครือข่ายเหล่านี้มักใช้สำหรับการโจมตีในระดับขนาดใหญ่ เช่น
การโจมตีโดยปฏิเสธการให้บริการแบบกระจาย (DDoS) การสแปม หรือการขโมยข้อมูล
คริปโตแจ็คกิ้ง จากความนิยมในสกุลเงินดิจิทัลที่พุ่งสูงขึ้น การขุดเหรียญจึงกลายเป็นสิ่งที่ทำกำไรมากให้กับผู้ขุดได้ คริปโตแจ็คกิ้ง เกี่ยวข้องกับการแฮ็กขุมพลังการประมวลผลของอุปกรณ์เพื่อขุดสกุลเงินดิจิทัลโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว ส่งผลให้ระบบที่ติดไวรัสทำงานช้าลงอย่างมาก การแพร่กระจายของมัลแวร์ประเภทนี้มักเกิดขึ้นพร้อมกับสิ่งที่แนบมากับอีเมลที่พยายามจะติดตั้งมัลแวร์หรือเว็บไซต์ที่ใช้ช่องโหว่ในเว็บเบราว์เซอร์หรือใช้ประโยชน์จากพลังการประมวลผลของคอมพิวเตอร์เพื่อเพิ่มมัลแวร์ลงในอุปกรณ์
ผู้แอบขุดเหรียญที่มุ่งร้ายจะใช้การคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนเพื่ออำพรางสมุดบันทึกธุรกรรมบล็อกเชนหรือระบบบันทึกข้อมูลดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ไว้ เพื่อขโมยทรัพยากรการประมวลผลซึ่งช่วยให้พวกเขาสร้างเหรียญใหม่ได้ การขุดเหรียญจะใช้ขุมพลังการประมวลผลของคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก แต่กลับได้สกุลเงินคริปโทเป็นจำนวนน้อยเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองทำให้อาชญากรไซเบอร์มักทำงานเป็นทีมเพื่อเพิ่มและแบ่งกำไรให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่านักขุดเหรียญทุกคนจะเป็นอาชญากร แม้แต่บุคคลและองค์กรบางครั้งก็ซื้อฮาร์ดแวร์และพลังงานอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการขุดเหรียญอย่างถูกกฎหมาย การขุดเหรียญจะกลายเป็นอาชญากรรมก็ต่อเมื่อมีการแทรกซึมเข้าสู่เครือข่ายองค์กรเพื่อใช้พลังการประมวลผลสำหรับการขุดเหรียญโดยที่บริษัทไม่รู้
การเจาะระบบผ่านช่องโหว่และชุดการเจาะระบบผ่านช่องโหว่ การเจาะระบบผ่านช่องโหว่จะใช้จุดอ่อนของซอฟต์แวร์เพื่อหลบเลี่ยงการป้องกันความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์และติดตั้งมัลแวร์ แฮกเกอร์ผู้ประสงค์ร้ายจะสแกนหาระบบที่ล้าสมัยซึ่งมีช่องโหว่ที่สำคัญแล้วเจาะระบบผ่านช่องโหว่นั้นเพื่อปรับใช้มัลแวร์ อาชญากรไซเบอร์สามารถดาวน์โหลดมัลแวร์เพิ่มเติมเพื่อแพร่ไวรัสลงในอุปกรณ์และแทรกซึมเข้าสู่องค์กรต่างๆ ได้เมื่อใส่ Shellcode ไว้ในการเจาะระบบผ่านช่องโหว่
ชุดการเจาะระบบผ่านช่องโหว่เป็นเครื่องมืออัตโนมัติที่อาชญากรไซเบอร์ใช้เพื่อค้นหาและใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของซอฟต์แวร์ที่รู้จัก ช่วยให้พวกเขาสามารถเปิดใช้การโจมตีได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซอฟต์แวร์ที่สามารถติดไวรัสได้ ประกอบด้วย Adobe Flash Player, Adobe Reader, เว็บเบราว์เซอร์, Oracle Java และ Sun Java Angler/Axpergle, Neutrino และ Nuclear เป็นประเภทชุดการเจาะระบบผ่านช่องโหวที่พบเห็นได้ทั่วไปบางส่วน
การเจาะระบบผ่านช่องโหว่และชุดการเจาะระบบผ่านช่องโหว่มักพึ่งพาเว็บไซต์หรือสิ่งที่แนบมากับอีเมลซึ่งเป็นอันตรายเพื่อเจาะเครือข่ายหรืออุปกรณ์ แต่บางครั้งก็อาจซ่อนอยู่ในโฆษณาบนเว็บไซต์ที่ถูกต้องตามกฏหมายด้วย
มัลแวร์แบบไม่มีไฟล์ การโจมตีทางไซเบอร์ประเภทนี้ถูกเรียกอย่างกว้างๆ ว่ามัลแวร์ที่ไม่พึ่งพาไฟล์เพื่อการเจาะระบบความปลอดภัยของเครือข่าย เหมือนกับสิ่งที่แนบมากับอีเมลที่ติดไวรัส ตัวอย่างเช่น มัลแวร์ประเภทนี้อาจโจมตีผ่านแพ็คเก็ตเครือข่ายที่เป็นอันตราย หรือส่วนเล็กๆ ของชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่ถ่ายโอนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะเจาะระบบจากช่องโหว่แล้วติดตั้งมัลแวร์ที่อยู่ในหน่วยความจำเคอร์เนลเท่านั้น ภัยคุกคามแบบไม่มีไฟล์นั้นค้นหาและกำจัดได้ยากเป็นพิเศษ เพราะโปรแกรมป้องกันไวรัสส่วนใหญ่ถูกสร้างมาเพื่อสแกนเฟิร์มแวร์
แรนซัมแวร์ แรนซัมแวร์ คือมัลแวร์ประเภทหนึ่งซึ่งคุกคามเหยื่อด้วยการทำลายหรือบล็อกการเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญไว้จนกว่าจะจ่ายค่าไถ่ การโจมตีแบบแรนซัมแวร์ที่มีมนุษย์เป็นผู้ดำเนินการจะมุ่งเป้าไปที่องค์กรผ่านการกำหนดค่าระบบทั่วไปและการรักษาความปลอดภัยที่ผิดพลาดเพื่อแทรกซึมเข้าสู่องค์กร นำทางไปสู่เครือข่ายองค์กร แล้วปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมและจุดอ่อนต่างๆ วิธีการทั่วไปในการเข้าถึงเครือข่ายขององค์กรคือการส่งแรนซัมแวร์ผ่านการโจรกรรมข้อมูลประจำตัว ซึ่งอาชญากรไซเบอร์สามารถขโมยข้อมูลประจำตัวข้อมูลจริงของพนักงานเพื่อปลอมตัวแล้วเข้าถึงบัญชีของพนักงาน
ผู้โจมตีที่ใช้แรนซัมแวร์ซึ่งมนุษย์เป็นผู้ดำเนินการจะมุ่งเป้าไปที่องค์กรขนาดใหญ่เนื่องจากองค์กรเหล่านั้นมีกำลังจ่ายค่าไถ่จำนวนมหาศาลมากกว่าคนทั่วไป โดยส่วนใหญ่ค่าไถ่จะอยู่ในหลักหลายล้านดอลลาร์ เนื่องจากมีเดิมพันที่สูงมากกับการละเมิดข้อมูลที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ หลายองค์กรจึงเลือกที่จะจ่ายค่าไถ่แทนที่จะให้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนรั่วไหลหรือเสี่ยงต่อการโจมตีเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม การจ่ายค่าไถ่ก็ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าจะป้องกันไม่ให้เกิดการปล่อยข้อมูลนั้นให้รั่วไหลหรือถูกโจมตีอีก
เมื่อการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่ดำเนินการโดยมนุษย์มีจำนวนเพิ่มขึ้น อาชญากรที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีก็เริ่มทำงานเป็นระบบมากขึ้น อันที่จริงแล้ว การดำเนินการด้านแรนซัมแวร์จำนวนมากในปัจจุบันใช้รูปแบบ “แรนซัมแวร์ในรูปแบบบริการ” ซึ่งหมายความว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เป็นอาชญากรกลุ่มหนึ่งจะสร้างแรนซัมแวร์ขึ้นมาเอง จากนั้นจึงจ้างอาชญากรไซเบอร์คนอื่นๆ เพื่อแฮ็กเครือข่ายขององค์กรและติดตั้งแรนซัมแวร์ที่ตนพัฒนาขึ้น โดยแบ่งกำไรระหว่างทั้งสองกลุ่มตามอัตราที่ตกลงกันไว้
รูทคิต เมื่ออาชญากรไซเบอร์ใช้รูทคิต อาชญากรไซเบอร์จะซ่อนมัลแวร์บนอุปกรณ์ให้นานที่สุด บางครั้งอาจนานเป็นปีๆ เพื่อขโมยข้อมูลและทรัพยากรอย่างต่อเนื่อง รูทคิตอาจเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่อุปกรณ์ของคุณใช้รายงานเกี่ยวกับตนเองด้วยการสกัดกั้นและการเปลี่ยนแปลงกระบวนการของระบบปฏิบัติการมาตรฐาน ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์ที่ติดรูทคิตอาจไม่แสดงรายการโปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่อย่างถูกต้อง รูทคิตอาจให้สิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์ระดับผู้ดูแลระบบหรือสิทธิ์ที่สูงขึ้นแก่อาชญากรไซเบอร์ ทำให้พวกเขาสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้อย่างสมบูรณ์และทำสิ่งต่างๆ ได้ เช่น ขโมยข้อมูล สอดแนมเหยื่อ และติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม
สปายแวร์ สปายแวร์จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว มักจะติดตามพฤติกรรมการท่องเว็บ ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ หรือรายละเอียดทางการเงิน ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการขโมยข้อมูลประจำตัวหรือขายให้กับบุคคลที่สามได้
การโจมตีห่วงโซ่อุปทาน การโจมตีจากมัลแวร์ประเภทนี้จะมุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาและผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้วยการเข้าถึงโค้ดต้นฉบับ การเข้าถึงการประมวลผล หรือการอัปเดตกลไกต่างๆ ในแอปที่ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่ออาชญากรไซเบอร์พบโพรโทคอลของเครือข่ายที่ไม่มีการรักษาความปลอดภัย โครงสร้างพื้นฐานเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่มีการปกป้อง หรือการเขียนโค้ดที่ไม่ปลอดภัย อาชญากรจะเจาะเข้ามาแล้วเปลี่ยนโค้ดต้นฉบับ จากนั้นจึงซ่อนมัลแวร์ไว้ในบิลด์และกระบวนการอัปเดต เมื่อซอฟต์แวร์ที่ติดมัลแวร์ถูกส่งไปให้ลูกค้า มัลแวร์ก็จะติดไปยังระบบของลูกค้าด้วยเช่นกัน
การหลอกลวงด้วยการสนับสนุนทางเทคนิค ปัญหาการหลอกลวงด้วยการสนับสนุนทางเทคนิคนี้ถือเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไป โดยผู้ไม่หวังดีจะใช้กลยุทธ์การหลอกให้กลัวเพื่อลวงให้ผู้คนจ่ายเงินค่าบริการการสนับสนุนทางเทคนิคที่ไม่จำเป็น ซึ่งอาจมีการโฆษณาว่าสามารถแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ แพลตฟอร์ม หรือซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง โดยมัลแวร์ประเภทนี้ อาชญากรไซเบอร์จะโทรหาใครสักคนโดยตรงและแอบอ้างว่าเป็นพนักงานของบริษัทซอฟต์แวร์ หรือสร้างโฆษณาที่สามารถคลิกได้ซึ่งออกแบบให้ดูเหมือนคำเตือนของระบบ เมื่อได้รับความไว้วางใจจากเหยื่อแล้ว ผู้โจมตีจะกระตุ้นให้เหยื่อติดตั้งแอปพลิเคชันหรือให้การเข้าถึงอุปกรณ์จากระยะไกล
โทรจัน โทรจันจะปลอมตัวเป็นซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายเพื่อหลอกล่อผู้คนให้ดาวน์โหลด เมื่อดาวน์โหลดแล้วพวกเขาอาจจะ:
- ดาวน์โหลดและติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม เช่น ไวรัสหรือหนอนไวรัส
- ใช้อุปกรณ์ที่ติดไวรัสเพื่อการฉ้อโกงการคลิกโดยการทำให้การคลิกปุ่ม โฆษณา หรือลิงก์มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างไม่สมเหตุสมผล
- บันทึกการกดแป้นพิมพ์และเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชม
- ส่งข้อมูล (เช่น รหัสผ่าน รายละเอียดการเข้าสู่ระบบ และประวัติการเรียกดู) เกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ติดไวรัสไปยังแฮกเกอร์ผู้ประสงค์ร้าย
- ทำให้อาชญากรไซเบอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์ที่ติดไวรัสได้
หนอนไวรัส มักพบได้ในสิ่งที่แนบมากับอีเมล ข้อความแบบตัวอักษร โปรแกรมแชร์ไฟล์ เว็บไซต์เครือข่ายสังคม และไดรฟ์แบบถอดได้ โดยหนอนไวรัสจะแพร่กระจายผ่านเครือข่ายด้วยการเจาะระบบผ่านช่องโหว่แล้วคัดลอกตัวเอง โดยหนอนไวรัสอาจขโมยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เปลี่ยนการตั้งค่าความปลอดภัยของคุณ หรือยับยั้งไม่ให้คุณเข้าถึงไฟล์ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของหนอนไวรัสนั้นๆ หนอนไวรัสจะไม่เหมือนกับไวรัส ไม่จำเป็นต้องใช้การโต้ตอบของมนุษย์ในการแพร่กระจาย แต่หนอนไวรัสสามารถขยายพันธุ์ได้เอง
ไวรัส ไวรัสเป็นมัลแวร์รูปแบบหนึ่งที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งออกแบบมาเพื่อขัดขวางหรือทำลายข้อมูลบนอุปกรณ์ที่ติดไวรัส โดยทั่วไปแล้วไวรัสเหล่านี้จะทำให้ระบบติดเชื้อและทำสำเนาตัวเองขึ้นมาเมื่อเหยื่อเปิดไฟล์หรือไฟล์แนบในอีเมลที่เป็นอันตราย
ติดตาม Microsoft Security