This is the Trace Id: e15d32c4d25df4f0c3c90371b681a949
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
Sustainability
ภาพระยะใกล้ของหญ้าเขียวชอุ่มและดอกไม้สีส้มบนพื้นหลังสีขาว

เร่งความยั่งยืนด้วย AI: เปิดรับนวัตกรรมเพื่อโลกที่ดียิ่งขึ้น

อ่านต่อเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทของ AI ในด้านความยั่งยืน นอกจากนี้ ค้นพบประโยชน์ของการใช้ AI สำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน สำรวจตัวอย่างในการใช้งานจริง และค้นหาวิธีการเร่งกระบวนการด้านความยั่งยืนสำหรับองค์กรของคุณ

บทบาทของ AI ในด้านความยั่งยืน

ในขณะที่เราเผชิญกับความเป็นจริงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผู้นำหลายคนหันมาใช้เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโดย AI เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านความยั่งยืนที่ซับซ้อน องค์กรต่างๆ สามารถปูทางไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นได้ด้วยการนำโซลูชัน AI อันล้ำสมัยมาใช้กับเป้าหมายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

ตัวอย่างเช่น หลายๆ องค์กรกำลังนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานอยู่แล้ว การนำ AI มาใช้ในระบบและกระบวนการด้านความยั่งยืนช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถปรับการใช้ทรัพยากรให้เหมาะสม ลดขยะ และประหยัดพลังงานและเงินได้ ตัวอย่างที่ดีที่สุดคือระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ซึ่งอัลกอริทึมที่ขับเคลื่อนโดย AI สามารถมีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติการจัดการพลังงาน

การยกระดับความยั่งยืนด้วย AI

ในโลกยุคใหม่ทุกวันนี้ เราเผชิญกับความท้าทายด้านความยั่งยืนนับไม่ถ้วน แต่หลายๆ องค์กรและชุมชนพิชิตอุปสรรคเหล่านี้ได้บางส่วนด้วยความช่วยเหลือของเครื่องมือที่ขับเคลื่อนโดย AI เช่น:
 
  • การปรับการใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสม: การใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนโดย AI ทำให้ภาครัฐและองค์กรสามารถวิเคราะห์รูปแบบการใช้และปรับการใช้พลังงานในอาคาร อุตสาหกรรม และเมืองให้เหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดขยะและส่งเสริมประสิทธิภาพ
  • การใช้ทรัพยากรและระบบสาธารณูปโภคให้มีประสิทธิภาพสูงสุด: ทีมสามารถตรวจสอบการใช้ทรัพยากรในเวลาจริง ระบุจุดที่ไม่มีประสิทธิภาพ และแนะนำการปรับปรุงเพื่อลดขยะให้เหลือน้อยที่สุดโดยใช้ระบบที่ขับเคลื่อนโดย AI
  • การกำจัดขยะพลาสติกจากมหาสมุทร: องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI เช่น โดรนอัตโนมัติ และหุ่นยนต์ใต้น้ำ เพื่อค้นหาและกำจัดขยะพลาสติกออกจากมหาสมุทรอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีการแบบเดิม
  • การขับเคลื่อนประสิทธิภาพในด้านการขนส่ง: ด้วยโลจิสติกส์และระบบการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ขับเคลื่อนโดย AI บริษัทขนส่งสามารถปรับเส้นทางใหเเหมาะสม ลดการใช้เชื้อเพลิง และลดการปล่อยคาร์บอนได้
  • การปรับผลลัพธ์ด้านเกษตรกรรมให้เหมาะสม: ธุรกิจเกษตรกรรมสามารถใช้เทคโนโลยีเกษตรกรรมที่ขับเคลื่อนโดย AI เพื่อทำงานโดยอัตโนมัติ ตรวจสอบสภาพพืชผล เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดความเสี่ยง และผลักดันการตัดสินใจที่ดีขึ้นในห่วงโซ่คุณค่าทางเกษตรกรรมและอาหาร
  • การปรับปรุงการจัดการน้ำ: การใช้เทคโนโลยี AI ช่วยให้องค์กรสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากเซนเซอร์และภาพดาวเทียมเพื่อตรวจสอบทรัพยากรน้ำ ตรวจหาการรั่วไหล และปรับแนวทางปฏิบัติด้านการชลประทานให้เหมาะสม ซึ่งนำไปสู่การจัดการและการอนุรักษ์น้ำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การปรับปรุงการควบคุมสภาพอากาศภายในอาคาร: องค์กรบางแห่งกำลังใช้ระบบ HVAC ที่ขับเคลื่อนโดย AI เพื่อปรับอุณหภูมิและการระบายอากาศตามการใช้งานและสภาพอากาศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในขณะที่ยังคงระดับความสะดวกสบายภายในอาคารไว้
  • การทำให้เครื่องใช้ฉลาดขึ้น: องค์กรต่างๆ สามารถปรับใช้เครื่องใช้อัจฉริยะที่ขับเคลื่อนโดย AI เพื่อเรียนรู้รูปแบบการใช้งานและปรับการตั้งค่าเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ลดการใช้พลังงานและน้ำ
 

โซลูชันที่ขับเคลื่อนโดย AI ในอุตสาหกรรมต่างๆ

องค์กรในทุกอุตสาหกรรมสามารถใช้เครื่องมือที่ขับเคลื่อนโดย AI เพื่อเร่งความก้าวหน้าด้านความยั่งยืนและสร้างผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจที่สำคัญ ต่อไปนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของอุตสาหกรรมซึ่งได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโดย AI:
 
  • เกษตรกรรม: บริษัททางการเกษตรสามารถปฏิวัติแนวทางปฏิบัติด้านการเพาะปลูกได้ด้วยเทคนิคเกษตรแม่นยำ เซนเซอร์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม AI สามารถตรวจสอบสภาพดินและข้อมูลสภาพอากาศได้ในเวลาจริง ทำให้เกษตรกรสามารถปรับการชลประทานให้เหมาะสม ลดการใช้สารเคมี และเพิ่มปริมาณพืชผลได้ แนวทางที่ยั่งยืนนี้สามารถช่วยลดการใช้น้ำอย่างสิ้นเปลือง ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
  • พลังงาน: อัลกอริทึมที่ขับเคลื่อนโดย AI ของระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะสามารถช่วยปรับการจ่ายและการใช้พลังงานให้เหมาะสม ช่วยให้องค์กรด้านพลังงานสามารถใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ องค์กรต่างๆ ยังสามารถลดการใช้พลังงานได้ด้วยการปรับระบบ HVAC และแสงสว่างแบบไดนามิกโดยใช้ระบบการจัดการพลังงานที่ขับเคลื่อนโดย AI ในอาคาร
  • ระบบสาธารณูปโภค: บริษัทสาธารณูปโภคสามารถใช้ระบบการจัดการน้ำที่ขับเคลื่อนโดย AI เพื่อตรวจสอบเครือข่ายการจ่ายน้ำ ตรวจหาการรั่วไหล และปรับการใช้น้ำให้เหมาะสม การจัดการขยะอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยกำหนดลำดับความสำคัญของความพยายามในการรีไซเคิลและลดขยะฝังกลบ
  • การขนส่ง: ในยุคใหม่ของ AI บริษัทขนส่งมีโอกาสที่จะใช้ยานยนต์ไร้คนขับซึ่งขับเคลื่อนด้วยเส้นทางที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมด้วย AI ซึ่งสามารถช่วยปรับปรุงการใช้เชื้อเพลิงและลดปัญหาการจราจรติดขัดได้ นอกจากนี้ เมื่อใช้แพลตฟอร์มโลจิสติกส์ที่ขับเคลื่อนโดย AI องค์กรต่างๆ สามารถปรับกระบวนการขนส่งสินค้า ลดการปล่อยมลพิษ และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรได้
  • สภาพอากาศ: เมื่อใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนโดย AI นักอุตุนิยมวิทยาสามารถปรับปรุงการพยากรณ์ การสร้างแบบจำลองสภาพอากาศ และการคาดการณ์สภาพอากาศสุดขั้วได้ ซึ่งสามารถช่วยปรับปรุงการพยากรณ์ระยะสั้นและระยะยาว ช่วยในการเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติ และจัดการความเสี่ยงในภาคเกษตรกรรม ประกันภัย และพลังงาน

การทำงานของโซลูชัน AI

การทำงานของโซลูชัน AI ที่ยั่งยืน


องค์กรในอุตสาหกรรมต่างๆ ใช้โซลูชันที่ขับเคลื่อนโดย AI เพื่อกระตุ้นความก้าวหน้าด้านความยั่งยืน ขับเคลื่อนประสิทธิภาพ และลดต้นทุนอยู่แล้ว ต่อไปนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของการทำงานของเทคโนโลยี AI:

เกษตรแม่นยำ: ให้อาหารแก่ผู้คนทั่วโลกโดยใช้ทรัพยากรน้อยลง

เกษตรกรรมเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการเสื่อมสภาพจากการใช้ที่ดินและการตัดไม้ทำลายป่าคิดเป็นประมาณหนึ่งในสี่ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก และใช้ทรัพยากรน้ำจืดของโลกไปประมาณ 70% เกษตรกรสามารถช่วยผลักดันความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ด้วยการนำแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่ยั่งยืนมาใช้ รวมถึงแนวทางปฏิบัติที่ช่วยกำจัดคาร์บอนเพิ่มเติมจากชั้นบรรยากาศ
ตัวอย่างเช่น ธุรกิจเกษตรกรรมบางแห่งกำลังสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยข้อมูลด้านการเกษตรเพื่อช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นโดยใช้ Azure Data Manager for Agriculture โซลูชันนี้มอบข้อมูลเชิงลึกที่ดำเนินการได้เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สร้างโซลูชันที่ล้ำสมัยและส่งเสริมแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่ยั่งยืนโดยเชื่อมโยงข้อมูลฟาร์มจากแหล่งต่างๆ

ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ: การปรับการจัดการพลังงานให้เหมาะสม

ขณะที่ภาคส่วนพลังงานกำลังเริ่มเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนทั่วโลก องค์กรต่างๆ จะต้องมีนวัตกรรมเพื่อช่วยจัดการกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ซึ่งอาศัยแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ผันแปรได้มากขึ้น แนวทางดั้งเดิมในการปรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้เหมาะสม ซึ่งใช้เซนเซอร์ ระบบควบคุม และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเดิมเพื่อสร้างสมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์นั้น ไม่เพียงพอที่จะจัดการกับความแปรปรวนและการไม่ต่อเนื่องที่มากขึ้นของแหล่งพลังงานหมุนเวียนและแหล่งพลังงานแบบกระจาย
บริษัทพลังงานยังสามารถใช้ AI เพื่อช่วยให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น bp กำลังใช้เทคโนโลยีคู่แฝดดิจิทัลเพื่อระบุโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดคาร์บอน David Boyd วิศวกรกระบวนการอำนวยความสะดวกที่ bp กล่าวว่า “เมื่อใช้คู่แฝดดิจิทัลเพื่อดูข้อมูลในอดีตและคาดการณ์ข้อมูลในอนาคตนั้นมีค่าอย่างยิ่ง” “หากนำไปใช้กับทรัพย์สินของ bp เราจะมีโอกาสลดการปล่อย CO2 เทียบเท่าได้ประมาณ 500,000 ตันทุกปี”

โครงการ Early Warnings for All: การปฏิวัติระบบเตือนภัยพิบัติ

เนื่องจากสภาพอากาศสุดขั้วมีความรุนแรงและความถี่เพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนจะต้องสามารถเข้าถึงระบบเตือนภัยล่วงหน้าได้ การใช้เครื่องมือที่ขับเคลื่อนโดย AI ช่วยให้นักอุตุนิยมวิทยาสามารถปรับปรุงการคาดการณ์เหตุการณ์รุนแรงต่างๆ ได้ดีขึ้นอย่างมากโดยมีต้นทุนที่ลดลงอย่างมาก 
Microsoft ร่วมมือกับโครงการ Early Warnings for All ของสหประชาชาติ เพื่อทำความเข้าใจประชากรที่มีความเสี่ยงสูงสุดต่อเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วและภัยคุกคามอื่นๆ ซึ่งมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากขึ้น ชุมชนเหล่านี้เผชิญกับความเสี่ยงครั้งใหญ่ รวมถึงพายุรุนแรง คลื่นความร้อน น้ำท่วม ภัยแล้งยาวนาน และระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น ด้วยการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูงร่วมกับเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโดย AI ผู้นำรัฐบาลสามารถระบุบ้านเรือนที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายจากสภาพอากาศสุดขั้วในพื้นที่เสี่ยงสูง และตอบสนองและฟื้นฟูจากภัยพิบัติได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

พลาสติกรีไซเคิลได้: การเร่งการพัฒนาพลาสติกที่ยั่งยืน

พลาสติกทั่วไปที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลมีส่วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกอย่างมาก นอกจากนี้ ขยะพลาสติกจำนวนมหาศาลยังคงทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยทั้งบนบกและในมหาสมุทรอีกด้วย นักวิจัยจาก AI4Science Lab ของ Microsoft และมหาวิทยาลัยวอชิงตันใช้โมเดล AI สร้างสรรค์เพื่อออกแบบพลาสรีไซเคิลได้เพื่อใช้แทนพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวที่ใช้ในการพิมพ์แผงวงจรในปัจจุบัน

การตรวจหาและตรวจสอบการรั่วไหล: การช่วยเมืองประหยัดน้ำดื่มอันขาดแคลน

น้ำเป็นทรัพยากรที่มีค่า มีอยู่จำกัด และจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เพื่อให้โลกมีน้ำเป็นบวก ผู้นำโลกจะต้องทำมากกว่าแค่ลดการใช้น้ำและเพิ่มปริมาณแหล่งน้ำใหม่ แต่ยังรวมถึงการให้ผู้คนทั่วโลกเข้าถึงน้ำและบริการสุขาภิบาล มีส่วนร่วมในนโยบายสาธารณะ และผลักดันนวัตกรรม

Microsoft ได้รวมมือกับ FIDO Tech เพื่อมอบโซลูชันการตรวจหาการรั่วไหลและการจัดการน้ำที่ขับเคลื่อนโดย AI สำหรับระบบสาธารณูปโภคน้ำประปาหลายแห่งทั่วโลก FIDO AI ใช้เซนเซอร์อะคูสติก AI ที่ฝังอยู่ในเครือข่ายเพื่อระบุและกำหนดขนาดของการรั่วไหล ซึ่งให้ข้อมูลอันมีค่าเกี่ยวกับตำแหน่ง เวลา และปริมาณที่สูญเสียน้ำไป เซนเซอร์จะรายงานข้อมูลต่อไปหลังการซ่อมแซมเสร็จสิ้น โดยแสดงให้เห็นว่าการซ่อมแซมได้ผลหรือไม่ และประหยัดน้ำได้มากเพียงใด เมื่อมีการตรวจสอบที่ขับเคลื่อนโดย AI อย่างต่อเนื่อง ผู้นำสามารถช่วยป้องกันการรั่วไหลและรับข้อมูลเชิงลึกว่าเครือข่ายตอบสนองอย่างไรในช่วงที่เกิดภัยแล้งหรือช่วงที่มีความต้องการสูง บริษัทสาธารณูปโภคน้ำประปาสามารถปรับการใช้น้ำในเครือข่ายการจ่ายน้ำให้เหมาะสมโดยใช้โซลูชัน AI เหล่านี้ได้

AI สำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน

การพัฒนาที่ยั่งยืน คือหลักปฏิบัติของการพัฒนาสำหรับยุคนี้ ซึ่งไม่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติหมดลงหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนรุ่นต่อไป สำหรับธุรกิจ การพัฒนาที่ยั่งยืนหมายถึงการดำเนินการอย่างมีจุดมุ่งหมายเพื่อติดตามและลดฟุตพรินต์ด้านสิ่งแวดล้อม แม้ในขณะที่คุณทำงานเพื่อทำให้องค์กรของคุณเติบโตก็ตาม ในการเดินทางสู่ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ความยั่งยืนด้วย AI สามารถช่วยให้องค์กร:

วัดผล คาดการณ์ และปรับระบบที่มีความซับซ้อนเกินกว่าวิธีการวิเคราะห์แบบดั้งเดิมให้เหมาะสม เช่น ห่วงโซ่อุปทาน ระบบโครงข่ายไฟฟ้า ระบบนิเวศทางการเกษตร และระบบภูมิอากาศ เมื่อใช้โซลูชันที่ขับเคลื่อนโดย AI องค์กรสามารถวัดการเปลี่ยนแปลง คาดการณ์ และปรับลักษณะการทำงานของระบบให้เหมาะสมในแบบที่ไม่สามารถทำได้มาก่อน ทีมสามารถใช้ AI เพื่อประมวลผลข้อมูลต่อเนื่องหลายรูปแบบจำนวนมหาศาลและระบุข้อมูลเชิงลึกได้ ด้วยความสามารถใหม่ๆ เหล่านี้ องค์กรต่างๆ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดขยะ และอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงเพื่อความยั่งยืนได้

เร่งการค้นพบและพัฒนาโซลูชันด้านความยั่งยืน เช่น วัสดุคาร์บอนต่ำ การผลิตและจัดเก็บพลังงานหมุนเวียน และพืชผลที่ทนทานต่อสภาพอากาศ
 โซลูชันด้านความยั่งยืนจำนวนมากมีอุปสรรคจากกระบวนการวิจัยและพัฒนาที่ล่าช้าและมีค่าใช้จ่ายสูง เมื่อใช้ AI คัดแยกความเป็นไปได้นับพันล้านรายการอย่างรวดเร็ว นักวิจัยสามารถระบุวัสดุที่มีแนวโน้มดีได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทดสอบวัสดุเหล่านั้นด้วยการทดลองในห้องปฏิบัติการหุ่นยนต์ที่ควบคุมด้วย AI และตีความผลลัพธ์ด้วยโปรแกรม AI ที่จะออกแบบการทดลองติดตามผลด้วยเช่นกัน

เพิ่มศักยภาพให้พนักงานด้วยการฝึกอบรมและความช่วยเหลือด้านความยั่งยืนที่มีเป้าหมาย
 เพื่อปฏิบัติตาม เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ประการขององค์การสหประชาชาติ องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญและเร่งดำเนินการด้านความยั่งยืน เมื่อใช้โซลูชันที่ขับเคลื่อนโดย AI ผู้นำสามารถเพิ่มศักยภาพให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและผลิตภาพมากขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความยั่งยืนที่ซับซ้อน

ประโยชน์ของการใช้ AI เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

องค์กรสามารถเพลิดเพลินไปกับประโยชน์ทางธุรกิจและการประหยัดต้นทุนได้โดยใช้ AI เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เมื่อมีโซลูชัน AI อันล้ำสมัย ทีมจะสามารถปรับกระบวนการให้เหมาะสม ลดขยะ และเพิ่มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงและเพิ่มความสามารถในการทำกำไร เมื่อนำเทคโนโลยี AI มาใช้ บริษัทต่างๆ สามารถปรับกระบวนการทำงาน ลดการใช้ทรัพยากร และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยให้ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้พร้อมกับบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน

การใช้ AI เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเศรษฐกิจหมุนเวียน

เศรษฐกิจหมุนเวียนช่วยลดการใช้วัสดุ ออกแบบวัสดุและผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ใช้ทรัพยากรน้อยลง และนำขยะกลับมาใช้เป็นทรัพยากรในการผลิตวัสดุและผลิตภัณฑ์ใหม่ เมื่อใช้ AI เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน องค์กรสามารถ:

  • เร่งการพัฒนาโซลูชันการจัดเก็บพลังงานต้นทุนต่ำและใช้งานได้ยาวนาน
  • ส่งเสริมการสร้างวัสดุที่ดูดซับคาร์บอนสูง
  • ปรับปรุงการพยากรณ์อากาศและภูมิอากาศ
  • เพิ่มศักยภาพให้บุคลากรเปิดรับความพยายามด้านความยั่งยืน

พิชิตข้อโต้แย้งเกี่ยวกับ AI

องค์กรต่างๆ สามารถได้รับประโยชน์จากการนำนวัตกรรม AI มาใช้ แต่ผู้เกี่ยวข้องบางรายอาจลังเลที่จะรับเอาเทคโนโลยีล้ำสมัยเหล่านี้มาใช้ ต่อไปนี้คือข้อโต้แย้งทั่วไปบางส่วนเกี่ยวกับโซลูชันที่ขับเคลื่อนโดย AI และคำแนะนำสำหรับวิธีพิชิตข้อโต้แย้งเหล่านั้น:

ข้อโต้แย้ง: “เราชอบวิธีการแบบดั้งเดิมมากกว่า”
ผู้เกี่ยวข้องบางรายอาจโต้แย้งว่าแนวทางที่ใช้มานานนั้นมีค่าใช้จ่ายในการนำไปปฏิบัติถูกกว่าและเข้าใจได้ง่ายกว่า ตัวอย่างเช่น ผู้นำบางคนอาจโต้แย้งว่าบุคลากรสามารถจดบันทึกย่อบนกระดาษได้ง่ายกว่าการเรียนรู้วิธีใช้บันทึกย่อดิจิทัล อย่างไรก็ตาม บทบาทของ AI ในด้านความยั่งยืนก็คือการช่วยปรับกระบวนการให้เหมาะสม ลดขยะ และเพิ่มพูนประสิทธิภาพ เมื่อเลิกใช้วิธีการแบบดั้งเดิมและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ทันสมัย คุณจะสามารถช่วยองค์กรของคุณตระหนักถึงคุณประโยชน์อันมีค่า เช่น การประหยัดต้นทุนและการจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ข้อโต้แย้ง: “ความสะดวกสบายระยะสั้นมีความสำคัญกว่าความยั่งยืนระยะยาว”
กระดาษจดบันทึกย่อเป็นทางเลือกที่หลายๆ คนคุ้นเคย แต่กระดาษเป็นทรัพยากรที่มีจำกัดซึ่งอาจก่อให้เกิดขยะที่ไม่จำเป็นได้ แม้ว่าการใช้กระดาษอาจดูเหมือนเป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับองค์กรของคุณในระยะสั้น แต่ทางเลือกดังกล่าวอาจนำไปสู่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ประสิทธิภาพที่ลดลง และอาจส่งผลเสียหายต่อภาพลักษณ์แบรนด์ขององค์กรของคุณได้

ข้อโต้แย้ง: “ลูกค้าของเราไม่ได้กังวลเรื่องความยั่งยืน”
องค์กรบางแห่งอาจเชื่อว่าผู้บริโภคไม่กังวลเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมากพอ หรือแผนริเริ่มด้านความยั่งยืนอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาพลักษณ์แบรนด์ของตน อย่างไรก็ตาม ความคิดนี้มองข้ามความสำคัญของความยั่งยืนที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับผู้บริโภคและผู้เกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับความเสียหายต่อชื่อเสียงที่อาจเกิดขึ้นและการสูญเสียความไว้วางใจของผู้บริโภคที่อาจเกิดจากการเพิกเฉยต่อข้อกังวลด้านความยั่งยืน

ข้อโต้แย้ง: “การดำเนินการของ AI จะเพิ่มฟุตพรินต์ของเรา”
เนื่องจากโมเดล AI ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม จึงทำให้มีการใช้ทรัพยากร เช่น พลังงานและน้ำ มากขึ้น อย่างไรก็ตาม องค์กรด้านเทคโนโลยีบางแห่งยังคงทำการวิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหาวิธีใหม่ๆ ในการสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบ AI ที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานและน้ำมากขึ้น นอกจากนี้ เทคโนโลยี AI ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมได้ด้วยการเร่งการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน ในสภาพแวดล้อมนี้ ภาครัฐมีโอกาสที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกจาก AI ได้ด้วยการกำหนดนโยบายที่รับรองว่าจะสอดคล้องกับผลลัพธ์ด้านความยั่งยืน ขณะเดียวกันก็บรรเทาผลกระทบต่อทรัพยากรที่เกิดจากความต้องการ AI ที่เพิ่มขึ้น

เร่งความยั่งยืนด้วยโซลูชัน AI จาก Microsoft

ไอคอน Microsoft Sustainability Manager

Copilot ใน Microsoft Sustainability Manager

ปรับปรุงและเร่งกระบวนการให้รวดเร็วด้วยวงจรชีวิตความยั่งยืน
ไอคอน Fabric

Copilot ใน Microsoft Fabric

เปลี่ยนแปลง เสริมสร้าง และวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงลดเวลาในการระบุข้อมูลเชิงลึก
ไอคอน Azure Data Manager

Azure Data Manager for Agriculture

สร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นโดยการสร้างนวัตกรรมด้วยข้อมูลเกษตรกรรม

สำรวจหัวข้อความยั่งยืนอื่นๆ

ผู้ชายคุกเข่าอยู่ในทุ่งที่เต็มไปด้วยโคลนกำลังตรวจสอบต้นกล้าข้าวที่ยังอ่อนอยู่ โดยมืออีกข้างถือแท็บเล็ตเอาไว้

AI สามารถส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืนได้อย่างไร

ค้นพบว่าองค์กรสามารถจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมโดยใช้เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโดย AI ได้อย่างไร
คนสองคนกำลังพูดคุยเกี่ยวกับการแสดงภาพจากข้อมูลที่แสดงอยู่บนหน้าจอแท็บเล็ต

การจัดการข้อมูล ESG

ค้นพบความสำคัญของการจัดทำบัญชีข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการจัดการข้อมูล ESG สำหรับการรายงานด้านความยั่งยืนและ ESG
คนสวมเสื้อกั๊กสะท้อนแสงและหมวกนิรภัยกำลังตรวจสอบเนินเขาที่มีแผงโซลาร์เซลล์ติดตั้งอยู่หลายแผง

คำสั่งการรายงานความยั่งยืนขององค์กร

ค้นหาว่าคำสั่งการรายงานความยั่งยืนขององค์กร (CSRD) คืออะไร เหตุใดจึงเป็นสิ่งสำคัญ และใครบ้างที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการรายงานของคำสั่งนี้

คำถามที่ถามบ่อยเกี่ยวกับ
วิธีปรับปรุงความยั่งยืนด้วย AI

  • AI สามารถมีส่วนสนับสนุนความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมได้ด้วยการช่วยปรับการใช้ทรัพยากรให้เหมาะสม การรวมแหล่งพลังงานหมุนเวียนเข้ากับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ การติดตามตัวบ่งชี้ด้านสิ่งแวดล้อม การสร้างแบบจำลองผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสร้างเกษตรแม่นยำ การปรับเครือข่ายการขนส่งให้เหมาะสม และการปรับปรุงกระบวนการจัดการขยะ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล การคาดการณ์ และระบบอัตโนมัติ AI สามารถช่วยลดขยะ ลดการปล่อยมลพิษ และส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในหลายภาคส่วน
  • ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับความยั่งยืนหมายถึงการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยมุ่งหวังที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้อัลกอริทึม AI และเทคนิคต่างๆ เพื่อปรับการจัดการทรัพยากรให้เหมาะสม ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ยกระดับการใช้พลังงานหมุนเวียน ปรับปรุงความยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศ และสนับสนุนแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมต่างๆ
  • ผลกระทบของ AI สำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้นไร้ขอบเขต ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การรวมพลังงานหมุนเวียน การบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความครอบคลุมทางสังคม และการเติบโตทางเศรษฐกิจ
  • การใช้ AI สามารถช่วยแก้ไขปัญหาความยั่งยืนต่างๆ เช่น:
    • การจัดการพลังงาน
    • ประสิทธิภาพของทรัพยากร
    • การตรวจสอบสิ่งแวดล้อม
    • เกษตรกรรมอัจฉริยะ
    • การสร้างแบบจำลองสภาพภูมิอากาศ
    • การปรับการขนส่งให้เหมาะสม
    • การจัดการขยะ
    • การอนุรักษ์น้ำ