การทำงานของโซลูชัน AI ที่ยั่งยืน
องค์กรในอุตสาหกรรมต่างๆ ใช้โซลูชันที่ขับเคลื่อนโดย AI เพื่อกระตุ้นความก้าวหน้าด้านความยั่งยืน ขับเคลื่อนประสิทธิภาพ และลดต้นทุนอยู่แล้ว ต่อไปนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของการทำงานของเทคโนโลยี AI:
เกษตรแม่นยำ: ให้อาหารแก่ผู้คนทั่วโลกโดยใช้ทรัพยากรน้อยลง
เกษตรกรรมเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการเสื่อมสภาพจากการใช้ที่ดินและการตัดไม้ทำลายป่าคิดเป็นประมาณหนึ่งในสี่ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก และใช้ทรัพยากรน้ำจืดของโลกไปประมาณ 70% เกษตรกรสามารถช่วยผลักดันความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ด้วยการนำแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่ยั่งยืนมาใช้ รวมถึงแนวทางปฏิบัติที่ช่วยกำจัดคาร์บอนเพิ่มเติมจากชั้นบรรยากาศ
ตัวอย่างเช่น ธุรกิจเกษตรกรรมบางแห่งกำลังสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยข้อมูลด้านการเกษตรเพื่อช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นโดยใช้
Azure Data Manager for Agriculture โซลูชันนี้มอบข้อมูลเชิงลึกที่ดำเนินการได้เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สร้างโซลูชันที่ล้ำสมัยและส่งเสริมแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่ยั่งยืนโดยเชื่อมโยงข้อมูลฟาร์มจากแหล่งต่างๆ
ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ: การปรับการจัดการพลังงานให้เหมาะสม
ขณะที่ภาคส่วนพลังงานกำลังเริ่มเปลี่ยนไปใช้
พลังงานหมุนเวียนทั่วโลก องค์กรต่างๆ จะต้องมีนวัตกรรมเพื่อช่วยจัดการกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ซึ่งอาศัยแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ผันแปรได้มากขึ้น แนวทางดั้งเดิมในการปรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้เหมาะสม ซึ่งใช้เซนเซอร์ ระบบควบคุม และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเดิมเพื่อสร้างสมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์นั้น ไม่เพียงพอที่จะจัดการกับความแปรปรวนและการไม่ต่อเนื่องที่มากขึ้นของแหล่งพลังงานหมุนเวียนและแหล่งพลังงานแบบกระจาย
บริษัทพลังงานยังสามารถใช้ AI เพื่อช่วยให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น
bp กำลังใช้เทคโนโลยีคู่แฝดดิจิทัลเพื่อระบุโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดคาร์บอน David Boyd วิศวกรกระบวนการอำนวยความสะดวกที่ bp กล่าวว่า “เมื่อใช้คู่แฝดดิจิทัลเพื่อดูข้อมูลในอดีตและคาดการณ์ข้อมูลในอนาคตนั้นมีค่าอย่างยิ่ง” “หากนำไปใช้กับทรัพย์สินของ bp เราจะมีโอกาสลดการปล่อย CO2 เทียบเท่าได้ประมาณ 500,000 ตันทุกปี”
โครงการ Early Warnings for All: การปฏิวัติระบบเตือนภัยพิบัติ
เนื่องจากสภาพอากาศสุดขั้วมีความรุนแรงและความถี่เพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนจะต้องสามารถเข้าถึงระบบเตือนภัยล่วงหน้าได้ การใช้เครื่องมือที่ขับเคลื่อนโดย AI ช่วยให้นักอุตุนิยมวิทยาสามารถปรับปรุงการคาดการณ์เหตุการณ์รุนแรงต่างๆ ได้ดีขึ้นอย่างมากโดยมีต้นทุนที่ลดลงอย่างมาก
Microsoft ร่วมมือกับโครงการ Early Warnings for All ของสหประชาชาติ เพื่อทำความเข้าใจประชากรที่มีความเสี่ยงสูงสุดต่อเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วและภัยคุกคามอื่นๆ ซึ่งมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากขึ้น ชุมชนเหล่านี้เผชิญกับความเสี่ยงครั้งใหญ่ รวมถึงพายุรุนแรง คลื่นความร้อน น้ำท่วม ภัยแล้งยาวนาน และระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น ด้วยการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูงร่วมกับเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโดย AI ผู้นำรัฐบาลสามารถระบุบ้านเรือนที่
มีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายจากสภาพอากาศสุดขั้วในพื้นที่เสี่ยงสูง และตอบสนองและฟื้นฟูจากภัยพิบัติได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
พลาสติกรีไซเคิลได้: การเร่งการพัฒนาพลาสติกที่ยั่งยืน
พลาสติกทั่วไปที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลมีส่วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกอย่างมาก นอกจากนี้ ขยะพลาสติกจำนวนมหาศาลยังคงทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยทั้งบนบกและในมหาสมุทรอีกด้วย นักวิจัยจาก
AI4Science Lab ของ Microsoft และมหาวิทยาลัยวอชิงตันใช้โมเดล AI สร้างสรรค์เพื่อออกแบบพลาสรีไซเคิลได้เพื่อใช้แทนพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวที่ใช้ในการพิมพ์แผงวงจรในปัจจุบัน
การตรวจหาและตรวจสอบการรั่วไหล: การช่วยเมืองประหยัดน้ำดื่มอันขาดแคลน
น้ำเป็นทรัพยากรที่มีค่า มีอยู่จำกัด และจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เพื่อให้โลกมี
น้ำเป็นบวก ผู้นำโลกจะต้องทำมากกว่าแค่ลดการใช้น้ำและเพิ่มปริมาณแหล่งน้ำใหม่ แต่ยังรวมถึงการให้ผู้คนทั่วโลกเข้าถึงน้ำและบริการสุขาภิบาล มีส่วนร่วมในนโยบายสาธารณะ และผลักดันนวัตกรรม
Microsoft ได้รวมมือกับ FIDO Tech เพื่อ
มอบโซลูชันการตรวจหาการรั่วไหลและการจัดการน้ำที่ขับเคลื่อนโดย AI สำหรับระบบสาธารณูปโภคน้ำประปาหลายแห่งทั่วโลก FIDO AI ใช้เซนเซอร์อะคูสติก AI ที่ฝังอยู่ในเครือข่ายเพื่อระบุและกำหนดขนาดของการรั่วไหล ซึ่งให้ข้อมูลอันมีค่าเกี่ยวกับตำแหน่ง เวลา และปริมาณที่สูญเสียน้ำไป เซนเซอร์จะรายงานข้อมูลต่อไปหลังการซ่อมแซมเสร็จสิ้น โดยแสดงให้เห็นว่าการซ่อมแซมได้ผลหรือไม่ และประหยัดน้ำได้มากเพียงใด เมื่อมีการตรวจสอบที่ขับเคลื่อนโดย AI อย่างต่อเนื่อง ผู้นำสามารถช่วยป้องกันการรั่วไหลและรับข้อมูลเชิงลึกว่าเครือข่ายตอบสนองอย่างไรในช่วงที่เกิดภัยแล้งหรือช่วงที่มีความต้องการสูง บริษัทสาธารณูปโภคน้ำประปาสามารถปรับการใช้น้ำในเครือข่ายการจ่ายน้ำให้เหมาะสมโดยใช้โซลูชัน AI เหล่านี้ได้